ค้นหาสินค้า

ส่งของชิ้นใหญ่ไปต่างประเทศทำอย่างไร

30-06-2022 22:26:53

ถ้าเราจะส่งของใหญ่ไปต่างประเทศ จะต้องส่งผ่านบริการใด และต้องมีน้ำหนักเท่าไร? ขนาดแค่ไหน? ถึงจะเรียกว่าใหญ่จริง!! และขั้นตอนการส่งมีรายละเอียดยังไงบ้าง

ก่อนที่เราจะทำการส่งพัสดุของเราไปในแต่ละประเทศนั้น การศึกษาข้อกำหนดและข้อห้ามต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะในแต่ละประเทศจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน และที่สำคัญไปกว่านั้น หากต้องส่งของไปขายต่างประเทศด้วยแล้ว อย่าลืมศึกษารายละเอียดต่างๆ และขั้นตอนการดำเนินงานกับศุลกากรเอาไว้ด้วย เพื่อให้การส่งพัสดุของเราผ่านฉลุยนั่นเอง

ส่งของชิ้นใหญ่ แค่ไหนถึงเรียกว่าใหญ่?

  1. น้ำหนัก ตั้งแต่ 20 – 200 กิโลกรัม
  2. ขนาดไม่เกินด้านละ 150x200x150 เซ็น ( กว้างxยาวxสูง )
  3. สินค้าส่วนใหญ่ที่นิยมส่งกันจะเป็นจำพวก ชิ้นส่วนเครื่องยนต์, เครื่องมืออุตสาหกรรม, เครื่องดนตรี และอื่น ๆ

ประเภทของหีบห่อ

  1. กล่อง : สำหรับสิ่งของหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม
  2. พาเลต : สำหรับสิ่งของใหญ่และหนัก 30 กิโลกรัม ขึ้นไป
  3. ตีลังไม้ : สำหรับสิ่งของประเภทเครื่องยนต์ หรือเครื่องปั้นขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 200 กิโลกรัม

ส่งของใหญ่ ต้องทำยังไงบ้าง?

  1. ก่อนส่งของต้องเริ่มจากรู้จักกฎเกณฑ์ของปลายทาง
    ควรหาข้อมูลประเทศปลายทางที่ต้องการจะส่ง เช่น ข้อมูลสิ่งต้องห้ามต่างๆ หรือการชำระภาษีปลายทางของแต่ละประเทศ อย่างเช่น ประเทศในเครือ EU จะมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) สิ่งของที่จะเข้าประเทศทุกชิ้นแก่ผู้รับปลายทาง จากเดิมสินค้าที่มีมูลค่ารวมไม่เกิน 22 ยูโร สามารถนำเข้าสหภาพยุโรปได้โดยไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป สินค้าทั้งหมดจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ว่าจะมีมูลค่าเท่าไรก็ตาม โดยจะคิดภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตราที่กำหนดในประเทศปลายทางของผู้รับ เช็กข้อมูลการชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม EU VAT เพิ่มเติม
    ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่เราต้องศึกษากฎเกณฑ์ต่างๆ ให้ดีก่อนทำการส่งของหรือสินค้าไปยังประเทศนั้นๆ

  2. เลือกบริการให้เหมาะกับสิ่งของ และปลายทางที่จะส่ง
    หากคิดไม่ออกเลยว่าจะใช้บริการส่งของไปต่างประเทศที่ไหน ให้นึกถึงพี่ไปรษณีย์ไทยไว้ก่อน เพราะที่นี่มีบริการให้เลือกส่งหลากหลายรูปแบบและราคา สามารถเลือกใช้บริการโดยดูจาก
    ส่งประหยัด น้ำหนักเบา หากต้องการส่งสิ่งของชิ้นเล็ก น้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม ไม่ว่าจะเป็น ของใช้หรือสินค้าขายต่างประเทศ ก็ส่งได้ด้วยบริการ ePacket
    ส่งด่วน เน้นไว ของหลากหลาย เชื่อว่าคนไทยไม่น้อยที่อาศัยและสร้างครอบครัวที่ต่างประเทศ ญาติและเพื่อนพ้องในไทยมักส่งของไปให้แทนความคิดถึง ไม่ว่าจะเป็น ของใช้ส่วนตัว หรือแม้แต่อาหาร ขนมไทย รวมส่งไปให้อยู่บ่อยๆ EMS World จึงเป็นบริการที่อยากแนะนำ เพราะนอกจากมีระยะเวลาการส่งที่รวดเร็วแล้วยังรับความจุ ได้ถึง 30 กิโลกรัม ตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้อย่างละเอียดและรวดเร็วจนถึงปลายทางผ่านระบบ Track &Trace อีกด้วย
    ส่งด่วนแบบพรีเมียม สะดวกสุดทุกขั้นตอน ส่งได้ทั้งของเหลว หรือแบตเตอรี่ รวมทั้งเซอร์วิสที่เหนือชั้น ต้องเลือกใช้บริการ Courier Post เพราะจัดส่งถึงผู้รับเร็วภายใน 2-4 วัน พร้อมทั้งยังนัดหมายผู้รับและการเคลียร์ศุลกากรให้แบบเบ็ดเสร็จ ติดตามและตรวจสอบสิ่งของได้ตลอด 24 ชม. ด้วยระบบ Track & Trace
    ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการก็สามารถเข้าไปตรวจสอบราคาและรายละเอียดบริการล่วงหน้าก่อนได้ ที่นี่ และเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในตอนนี้ ทำให้มีการระงับการจัดส่งในหลายประเทศ หรืออาจทำให้เกิดการจัดส่งล่าช้าในบางประเทศ อย่าลืมตรวจสอบและอัพเดทข้อมูลของประเทศปลายทางที่ส่งได้ 

  3. เตรียมแพ็กสิ่งของให้แน่นหนา
    ผู้ส่งต้องคำนึงว่าการส่งของไปต่างประเทศ ระยะทางในการส่งนั้นไกลและใช้ระยะเวลาหลายวัน กระบวนการที่เจ้าหน้าที่ต้องจับต้องสินค้าก็มีมากเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นควรแพ็กสิ่งของที่ส่งให้แน่นหนาพอที่จะกันการกระแทกต่างๆ ระหว่างทางได้ สิ่งของที่ค่อนข้างบอบบางอาจห่อด้วยแอร์บับเบิ้ลหลายชั้น หรือสิ่งของบางประเภทก็ควรใส่ถุงซิปล็อคให้เรียบร้อยก่อนส่ง เช่น อาหาร เพื่อป้องกันความชื้นหรือปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง ขั้นตอนสุดท้าย ซีลปิดกล่องพัสดุให้เรียบร้อย เพื่อให้พัสดุถึงมือผู้รับปลายทางอย่างปลอดภัย
    เคล็ด (ไม่) ลับหากส่งด้วยบริการคูเรียร์โพสต์ของไปรษณีย์ไทย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการที่ส่งของไปต่างประเทศอยู่ขณะนี้ ให้แพ็กของให้เรียบร้อย แล้วมารับกล่อง/ซองฟรีได้ที่ ปณ. จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเช็กพัสดุให้เรียบร้อยและถูกต้อง ก่อนที่จะแพ็กปิดกล่องและนำเข้าสู่ระบบการขนส่งต่อไป

  4. จ่าหน้าต้องระบุสิ่งของให้ชัด กันความผิดพลาด
    หนึ่งในปัญหาที่ทำให้เกิดความล่าช้าของการส่งของไปต่างประเทศ คือการไม่ระบุถึงรายละเอียดข้างในที่ชัดเจน เช่น สิ่งของข้างในคือเสื้อ และต้องระบุรายการสิ่งของที่ส่งให้ชัดเจน ครบถ้วน เช่น Shirt, T-Shirt, Coat vest ซึ่งจะไม่รวมเป็น clothing พร้อมทั้งระบุ จำนวนชิ้น และราคาต่อชิ้นโดยระบุค่าเงินเป็น USD เป็นภาษาอังกฤษและเลขอารบิค รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์ของผู้รับให้ครบถ้วนทุกช่องด้วย เพราะในบางประเทศปลายทาง มักมีข้อจำกัดเรื่องการเอาวัสดุต่างๆ เข้าประเทศ เป็นต้น หากคุณไม่ระบุรายละเอียดของสิ่งของที่อยู่ข้างในให้ชัดเจน พัสดุของคุณอาจจะโดนตีกลับมาอีกครั้ง ทำให้เสียเวลาในการจัดส่ง เพราะฉะนั้น อย่าลืมกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนทำการจัดส่ง โดยเฉพาะบริการคูเรียร์โพสต์ที่มีให้เลือกถ้าผู้รับไม่รับของ เราจะเลือกให้ปลายทางละทิ้งสิ่งของไปเลย หรือให้ส่งกลับมาที่ไทยก็ได้ ดังนั้น หากเลือกกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนไว้ก่อน ก็จะทำให้เกิดความรวดเร็วในการจัดส่งอย่างแน่นอน

  5. ถึงเวลาพัสดุเดินทาง ต้องติดตามให้ดี
    นำสิ่งของที่จะส่ง ไปส่งที่บริษัทขนส่งพัสดุแจ้งว่าต้องการส่งแบบไหน กรอกที่อยู่ ชำระเงินเรียบร้อย
    สามารถตรวจสอบราคาและรูปแบบการจัดส่งได้ที่นี่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้กรอกเอกสารเพิ่มเติม กรอกใบศุลกากร CN22 (Customs Declaration) หรือใบแสดงรายการสิ่งของที่ส่ง (PROFORMA INVOICE)เพื่อระบุว่าสินค้าคืออะไร มีมูลค่าเท่าไหร่ ให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อกันความผิดพลาดต่างๆ และที่สำคัญคือ ต้องเก็บใบเสร็จไว้ติดตามสถานะของพัสดุจนถึงปลายทาง เพื่อเช็กสถานะ Track & Trace

ท้ายที่สุดแล้ว การทำทุกขั้นตอนให้ถูกต้องจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการขนส่ง เพราะหลักสำคัญสำหรับการจัดการด้านศุลกากรที่ราบรื่น จำเป็นต้องมีใบกำกับสินค้าที่ถูกต้องและสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ศุลกากรจำเป็นต้องใช้ใบกำกับสินค้าในการประเมินภาษีและอากรที่อาจมี หากทำตามขั้นตอนให้ถูกต้องจะช่วยหลีกเลี่ยงความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้น และสิ่งของก็จะถึงมือผู้รับปลายทางอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย สบายใจทั้งผู้ส่งและผู้รับ.

ที่มา : www.postfamily.thailandpost.com